หลักการและเหตุผล
ประเทศไทยนับเป็นตลาดส่งออกเครื่องสำอางที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 รองจากสิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่น โดยตลาดหลักอยู่ที่ประเทศในเอเซีย ได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียตนาม และออสเตรเลีย ส่วนการนำเข้าเครื่องสำอางมีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 5.9 ซึ่งจะเห็นได้ว่าสินค้าประเภทเครื่องสำอาง/สบู่ และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหนังของประเทศไทยเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันด้านการผลิตเครื่องสำอาง จึงมีการนำเอานาโนเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อให้ประสิทธิผลและประสิทธิศักย์ของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้นสูงขึ้น บริษัทที่เป็นผู้ผลิตสารสำคัญเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ผลิตเครื่องสำอางได้พัฒนาสารสกัดมาจำหน่ายในรูปลิโพโซม และนาโนพาร์ทิเคิล ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สารสำคัญมีความคงตัวและมีประสิทธิภาพ หรือบรรจุสารสำคัญต่างๆ ไว้ภายในซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิตสารสำคัญในระดับนาโนได้ โดยเฉพาะสารสำคัญจากสมุนไพรไทยเนื่องจากมีวัตถุดิบสมุนไพรภายในประเทศจำนวนมากและมีความหลากหลายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก อีกทั้งมีวัสดุอุปกรณ์การผลิตที่พร้อม หากแต่ยังขาดการส่งเสริมและประสานข้อมูลในการวิจัยและพัฒนากับนักวิจัยและผู้ประกอบการ
ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (ศน.) หน่วยงานในกำกับของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวข้างต้นจึงได้มีการพัฒนาการใช้นาโนเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางโดยมุ่งเน้นการใช้พืชสมุนไพรไทยที่มีประสิทธิภาพมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและสามารถต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ได้ดังนั้น ศน.จึงได้ดำเนินการโครงการโปรแกรมวิจัยร่วมด้านนาโนเวชสำอางสมุนไพรไทย(Thai Herbal Nano-Cosmeceuticals Coordinated Research Program) ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐ/เอกชนซึ่งมีกิจกรรมที่สร้างความเข้มแข็งทางด้านวิชาการและเชื่อมโยงความรู้จากภาคการวิจัยสู่ภาคการผลิต คือการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการทำสูตรตำรับเครื่องสำอาง เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้แก่นักวิจัย นักวิชาการ และผู้ประกอบการรวมถึงผู้สนใจทั่วไป ซึ่งในครั้งนี้ จัดงานร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในเครือข่ายโครงการโปรแกรมวิจัยร่วมด้านนาโนเวชสำอางสมุนไพรไทย จัดการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง NANO COSMETICS : From Nanoparticles to Formulations โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือทำให้ทราบถึงวิธีการการพัฒนาอนุภาคนาโนและการตั้งตำรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง รวมถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม และสามารถต่อยอดผลงานวิจัยสู่การผลิตในภาคเอกชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป
|